สารไม่ควรมีในสินค้า ที่เจซีเลี่ยงใช้
(สูงกว่าที่ อย.และ FDA สหรัฐกำหนดไว้)
* ข้อมูลหน้านี้จะค่อนข้างเยอะมาก อยากให้อดทนอ่านให้จบ เพราะจะมีประโยชน์แก่ตัวท่านเองในระยะยาว ดังนั้นจึงอยากให้ใส่ใจ และอดทนอ่านให้จบ หรืออ่านวันละนิดทีละหัวข้อ รับรองว่า ชีวิตคุณจะเปลี่ยนไป และไม่หลงกลสินค้าหลายชนิด ที่ขายราคาแพง แต่กลับส่งผลเสียระยะยาวได้อย่างที่คุณคาดไม่ถึง อ่านเพื่อเป็นหลักคร่าว ๆให้ตนเองและครอบครัว ได้เลือกใช้ หลีกเลี่ยง หรือต้องใช้ ก็รู้จักวิธีลดพิษ ให้มันส่งผลเสียน้อยที่สุด อ่านจบจะรู้ว่าโลกเราอยู่ยากขึ้นทุกวัน เพราะนายทุนครองเมือง ส่วนใหญ่ต่างเน้นผลกำไรมากที่สุด มากกว่าห่วงผู้บริโภคกันจริงครับ ไม่แปลกหรอกถ้าคนยุคนี้จะเป็นภูมิแพ้ มะเร็ง และผิวอ่อนแอกันเยอะมาก ที่บอกว่าผิวแพ้ง่าย ส่วนใหญ่ไม่ใช่นะครับ มันเกิดจากสารหลายชนิดที่ทำร้ายผิว และบำรุงได้ไม่ดีจริง แค่เคลือบไว้ ทำให้ผิวเสียสะสม อ่อนแอ ทำให้เจออะไรก็แพ้ง่าย และแก่ก่อนวัย เกิดสิวฝ้า และปัญหาตามมาสารพัด ซึ่งจะเห็นผลในระยะยาว
----------
สารเคมีและแม้จากธรรมชาติหลายชนิดอาจก่ออันตรายระยะยาว ก่อระคายเคือง เพิ่มการอุดตัน ทำให้ผิวแพ้ง่าย อักเสบ เสียสมดุล ทำร้ายสุขภาพ ต้นเหตุของโรคบางอย่าง ซึ่งจะไม่เห็นผลทันที แต่จะสะสม ค่อย ๆ ทำร้ายไปเรื่อย บางชนิดแม้บอกว่าปริมาณน้อยร่างกายขับออกหรือไม่อันตราย และ อย.อนุมัติให้ใช้ได้ แต่ชีวิตเราได้รับสารหลายแหล่ง รวมกันต่อวันอาจมากกว่าที่คิด ทฤษฎีคอกเทลจากงานวิจัยสารคดีทางการแพทย์ พบสารเคมีแม้ปริมาณน้อย แต่รวมกันหลายชนิดส่งผลเสียได้ ปัจจุบันนายทุนครองโลก เคมีอันตรายอาจกลายเป็นปลอดภัยแบบมีข้อน่าสงสัย แถมผ่านงานวิจัยที่บิดเบือนจนน่าเชื่อถือซะด้วย สารที่ อย. อนุญาตให้ใช้ ไม่ได้หมายความว่าปลอดภัยจริง 100% เพียงแต่ใช้แล้วผิวยังไม่แหก ไม่ป่วย ไม่ตายทันที ^__^
สารหลายชนิดทั้งในของกินและเครื่องสำอาง ที่องค์กรระดับโลกรับว่าปลอดภัยและให้ใช้กันมานาน แต่สุดท้ายก็ต้องประกาศยกเลิกการใช้ และบางอย่างก็ยังให้ใช้อยู่ในปริมาณที่กำหนด ซึ่งแพทย์ธรรมชาติบำบัด และนักวิจัยอีกจำนวนมากต่างบอกว่าควรเลี่ยง เพราะเสี่ยงอันตราย มีทางเลือกที่ดีกว่านั้น ซึ่งของทาภายนอกยังไม่อันตรายเท่าของที่กินเข้าไปที่หลายคนคิดว่าปลอดภัย เช่น.. ยาเคมีลดไข้แก้ปวด น้ำตาลเทียม ฯลฯ ดังนั้นการเลี่ยงใช้สารที่มีข้อสงสัย หรือใช้เคมีให้น้อยจะเป็นทางออกดีสุดสำหรับคนไม่อยากเสี่ยง ซึ่งเจซีเลือกพัฒนาสูตรโดยเข้มงวดกับสารเหล่านี้ ซึ่งเสี่ยงต่อการระคายเคือง ทำร้ายผิว อาจก่อมะเร็ง กระตุ้นภูมิแพ้ สิว อุดตัน หรือแค่ปกปิด ทำให้ดีแค่ชั่วคราว ฯลฯ
สินค้าการกุศล ผลิตเพื่อช่วยให้คนไทยมีทางเลือกที่ราคาถูก ปลอดภัย ได้ผลจริง และรายได้ส่วนหนึ่งเพื่อกิจกรรมบุญ ย้ำว่าที่นี่ไม่ใช่ธุรกิจการค้าหากำไร เพราะถ้าอยากรวย ไปทำอย่างอื่นสบายกว่าครับ แต่เพราะมันหาสินค้าแบบนี้ไม่ได้ และถึงมีก็ไม่ถูกขนาดนี้ รบกวนอ่านบทความเกี่ยวกับที่มาของเจซี และประวัติผลงานของผม แล้วอาจจะเข้าใจกันได้ดีขึ้น
ผมเข้าใจนะว่า กระแสคนเห็นแก่ตัวและสินค้าหลอกลวงมันล้นโลก จนทำให้คนทั่วไปมองเห็นเป็นแบบนั้นไปหมด แนะนำสินค้าไม่ได้อยากขาย แต่อยากให้คนที่ผมรัก (และรักผม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนที่ชอบฟังสื่อธรรมะที่ผมทำแจกฟรีมาเป็นสิบปี) ได้ใช้ของที่ดีจริงเท่านั้นครับ บทความทุกตอน เขียนเพื่อแนะนำให้เลือกใช้ชีวิต เลือกใช้สินค้าอื่นกันเอง ไม่ได้เขียนเพื่อเชิญชวนเพื่อขายของนะครับ ^_^
---------------------------------
**รายชื่อทั้งหมด แค่ตัวอย่าง
มีอีกหลายตัว จะเพิ่มอีกทีหลัง
เอาที่เจอบ่อยก่อน
สารจากพืชเช่น ทีทรีออย ที่จะเกิดเป็นสารพิษเพิ่ม 30 เท่าเมื่อเจอแสงแดด (ตำราสุคนธบำบัด) ,ลาเวนเดอร์ที่อาจส่งผลกระทบต่อฮอร์โมน, น้ำมันหอม/สารตระกูลส้มที่มีคำว่า Citrus และสารอื่นๆ เช่น มะนาว มะกรูด ขิง ทำผิวไวแสงแดด (ใช้ได้ถ้าทาก่อนนอน หรือเลี่ยงแดด และควรเลี่ยงใช้กับหน้าจะดีที่สุด) , Witch Hazel ,Camphor ,Eucalyptus เสี่ยงก่อระคายเคือง ,ย่านางจะกระตุ้นสร้างเม็ดสีดีขึ้น จึงควรใช้ช่วยผมหงอก ทาผิวจะทำให้ดำลง มีอีกหลายอย่างที่ต้องปรับสูตรหรือมีวิธีการใช้ที่เหมาะสมเท่านั้น
---------------------------------
ตัวอย่างกลุ่มเคมีทั่วไป : สี (มักมีตัว D&C นำหน้า) น้ำหอม Fragrance (ซึ่งอาจทำจากสารเคมีอันตรายหลายอย่างรวมกัน อ่านภัยน้ำหอมที่นี่คลิ๊ก) เคมีก่อครีม ทำผิวลื่น เพิ่มหนืด Cetearyl Alcohol ,Cetyl Alcohol , Stearic Acid , Carbomer , Lanolin , paraffin ,Beeswax ,Petrolatum ,Sorbitan Oleate ,Isononyl ,Tocopheryl Acetate (วิตอีสังเคราะห์) , Isononanoate ,Sodium Chloride (เกลือ) ,Triethanolamine (TEA) / BHT (Butylated hydroxytoluene) และ BHA (Butylated hydroxyanisole) [คนละตัวกับ BHA (Beta Hydroxy Acid) ] ,Aminophenols ,Toluene ,Xylene ,menthol ,Talc ฯลฯ
* มีคำเหล่านี้อยู่ด้วย ขึ้นต้น ลงท้าย หรือตรงกลางเช่น.. EDTA , MEA , DEA , Stearate , Acrylates , Quaternium (ยกเว้นบางชนิดที่มีชื่อพืชตามหลัง โดยนำพืชมาผ่านกระบวนการเช่น โปรตีนสาลีพิเศษ แต่ส่วนมากถ้ามีคำนี้ จะมีเลขตามหลัง แล้วไม่มีชื่ออื่นต่อ จะเป็นเคมี), Polyquaternium , Aluminium , Ammonium , Ceteareth , Urea , Laureth , Oleth , Phthalates , Chloride , Salicylates , Silicates , cone , xane , Crosspolymer , Fragrance (Parfum - น้ำหอมเคมี) ฯลฯ
หากมีคำว่า Crosspolymer ก็ต้องดูอีกทีนะครับ ตัวที่ไม่แนะนำคือ ตัวที่เป็นซิลิโคน เพราะอุดตันสูงมาก ปกติถ้ามีคำนี้ บางตัวจะเป็นสารก่อเจล ถ้าเป็นตัวชำระล้างถือว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร และใช้เป็นพวกแต้มสิว พวก AHA BHA ถือว่าใช้ได้ครับ เพราะความเป็นกรดสูง จำเป็นต้องใช้เจลบางชนิดเท่านั้น ถึีงจะเสถียร
---------------------------------
สารกันเสีย : กลุ่มพาราเบนทั้งหมด (ลงท้ายด้วย Paraben) / Isothiazolone / Triclosan / Methylisothiazolinone / Formaldehyde อาจพบได้ในชื่อ DMDM hydantoin หรือ Glydant , Glydant Plus / Diazolidinyl urea / Phenoxyethanol /Bronidox L
** มีสารกันเสียที่มักใช้ในสินค้าธรรมชาติและสำหรับเด็ก คือ Sodium Benzoate และ Potassium Sorbate (อาจใช้เดี่ยว หรือผสมกัน หรือผสมกับสารอื่น) สองตัวนี้ปกติอนุญาติให้ใส่ในอาหารได้ แต่ห้ามเกิน 0.1% แต่เมื่อใส่ในเครื่องสำอางจะต้องใช้ในปริมาณที่สูงมากกว่าหลายเท่า ประมาณ 1%+ แถมคุมเชื้อได้ไม่กว้าง ไม่ครบทุกตัว การใช้ปริมาณสูงอาจทำให้เกิดอาการแพ้ ผมร่วง ฯลฯ ในบางราย และมีข้อจำกัดสูงคือ จะทำงานได้ดีใน pH ต่ำ(กรด) ซึ่งสินค้าทั่วไปมักจะ pH สูงกว่ามาก(ด่าง) และยังอาจเกิดส่งผลเสียได้ ถ้าในสูตรมีวิตามินซี วิตามินเอ วิตามินอีสังเคราะห์ ซิตริกเอซิด (บางข้อมูลรวมไปถึง Polysorbate 20) ซึ่งแม้ไม่แจ้งส่วนประกอบเป็นวิตามิน แต่ในสารสกัดพืชหลายชนิดอาจมีวิตามินเหล่านี้อยู่มากกว่าที่คิด เช่น.. ในสารสกัดมะขามป้อมมีวิตามินซีค่อนข้างสูง และเสถียรมาก
: ปัจจุบันมีสารกันเสียที่มีส่วนผสมของ Sodium Benzoate + Gluconolactone ซึ่งปลอดภัยแม้สำหรับเด็ก หากในสูตรไม่มีกรดซิตริก / วิตามินซี / กลุ่มวิตามินเอ และ วิตามินอี(สังเคราะห์) ซึ่งค่อนข้างเลี่ยงได้ยาก และมักจะมีคู่กัน โดยเฉพาะ Sodium Benzoate+Citric Acid
(อาหารหลายชนิดใช้สารกันบูดตัวนี้ จะเสี่ยงอันตรายหากกินร่วมกับอาหารอื่นโดยเฉพาะที่มีวิตามินซี กรดมะนาว(ซิตริก) น้ำรสหวานเปรี้ยว และอาหารจำนวนมาก อาจมีสารสองตัวนี้อยู่โดยที่เราไม่รู้ และลูกหลานเรากินเข้าไปเป็นประจำ เป็นต้นตอของร่างกายอ่อนแอ และโรคแฝงตามมา : โลกปัจจุบันชีวิตอยู่ยาก การเลี่ยงของทาภายนอกทำได้ง่ายกว่า แต่การเลี่ยงการกินคงยาก การกินสมุนไพรล้างพิษ บำรุงธาตุให้แข็งแรง (รางจืด+ตรีผลา+ผักเม็ด 5สี) การออกกำลังกาย และวิธีอื่นๆ ที่ทำให้ร่างกายแข็งแรงน่าจะเป็นการบรรเทาที่ทำได้ง่ายกว่า )
ตัวอย่างภัยของสารกันเสียที่ลงตีพิมพ์ใน telegraph.co.uk (คลิ๊ก)
(เจซีใช้สารกันเสียปลอดภัยสูง มาตรฐาน ECOCERT)
ข้อมูลเพิ่มเติมจากศูนย์พิษวิทยา พิษและอาการข้างเคียงจากครีมบำรุงผิว : ครีมพวกนี้เป็นอีมัลชั่น (Emulsifier) วัตถุกันหืน วัตถุกันเสีย น้ำหอม สี เป็นต้น มักทำให้เกิดอาการระคายเคืองเนื่องจากไขผึ้ง ลาโนลิน พาราเบน เกอมาล 115 ยูโซแลกซ์ และน้ำหอม : ที่มา : http://webdb.dmsc.moph.go.th/ifc_toxic/a_tx_1_001c.asp?info_id=63
---------------------------------
กลุ่มผลิตภัณฑ์ชำระล้าง : สารลดแรงตึงผิวที่มีประจุ จะมีโมเลกุลตกค้างบนผิวมาก รวมตัวกับเคราตินในผิวหนังชั้นกำพร้าได้ดี ทำลาย barrier function ของผิวหนัง เป็นกลุ่มสารที่เจซีไม่ใช้และยังเลี่ยงใช้สารอีกจำนวนมากที่มีรายงานและข้อน่ากังวลว่าระคายเคืองส่งผลเสียระยะยาวต่อผิว เช่น.. สารตระกูลซัลเฟต ลงท้ายด้วย Sulfate ทั้งหมด , SLS (Sodium Lauryl Sulfate สารเพิ่มฟองที่สารคดีรายการดังด้านวิทยาศาสตร์ของเกาหลียังแนะนำให้เลิกใช้) /SLES (Sodium Lauryl Ether Sulfate) /Ammonium Laureth ฯลฯ Cocamidopropyl Betain (พบได้ทั่วไปในแชมพูเด็ก) , benzalkonium chloride , steardimonium chloride , cetrimonium bromide , cetrimonium chloride (เคมีประจุบวก) , สารปรับข้นกลุ่ม DEA ,MEA , Cocamide DEA ,Cocamide MEA , Diethanolamine (DEA) , มีคำว่า Laureth (โดยเฉพาะ.. Laureth23 ,Laureth 4) , Sodium Chloride ฯลฯ
สารหลายตัวพบในสินค้าที่อ้างเป็นสมุนไพร ไม่รวมน้ำหอมที่แอบใส่แต่ไม่แจ้งข้างฉลาก จนผู้บริโภคคิดว่าเป็สมุนไพร100% หลายชนิดก่อให้ผิวแพ้ง่ายในอนาคต ไม่นับต้นเหตุก่อมะเร็งทางอ้อมด้วย สารชำระล้างที่ใช้ในสินค้าทั่วไปส่วนใหญ่เป็นสารราคาถูก ให้ฟองมาก จึงยังอ้างกันได้สารพัดว่าปลอดภัย ทั้งที่เสี่ยงระคายเคืองผิว และทำร้ายผิวในระยะยาวได้
ครีม/โฟมล้างหน้า ยาสระผม แชมพูเด็ก หลายยี่ห้อที่พบเจอได้ทั่วไป มีสารตัวเดียวกับน้ำยาล้างจาน หรือซันไลต์ เพียงแต่เจือจางกว่า ใส่น้ำหอม ซิลิโคน สารก่อครีม เคมีที่ทำให้ลื่น / หนืด /ประจุบวก และเพิ่มมอยเจอร์ไรเซอร์พื้นๆ เช่น กลีเซอรีน ฯลฯ จึงไม่แปลกหากระยะยาวจะผิวอักเสบ แพ้ง่าย มันง่าย เป็นสิว ลองดูข้างขวดน้ำยาล้างจาน/ถูพื้น แล้วเอาส่วนประกอบมาเทียบกับครีมล้างหน้า ยาสระผมที่ใช้ แล้วคุณจะตกใจนะครับ
*ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่า สารหลายชนิดถือว่าอันตรายต่อผิว แต่ถ้าตั้งสูตรเป็น มีการปรับ pH ที่เหมาะสม มีสารถ่วงดุลย์ หรือใช้ปริมาณที่พอดี ก็จะไม่ส่งผลเสียมากนัก เช่น.. สารในกลุ่มแชมพูเด็กที่อ้างว่าอ่อนโยน สารบางตัวถูกจัดเป็นสารระคายเคืองติดอันดับต้นๆ แต่ถ้าใช้ไม่เกิน 1% ก็ถือว่าปลอดภัย (แต่ส่วนมากใช้เกินนะ) สารเคมีประจุบวกที่ช่วยให้ผมลื่นไม่พันกัน ใช้ได้ไม่ควรเกิน 0.5% (แต่ก็ใช้เกินกว่านี้มากอีกนั่นแหละ) สารชำระล้างส่วนใหญ่ที่ยอดนิยมจะเป็นชนิด ประจุลบ ที่ระคายเคืองสูง
: ข้อมูลงานวิจัยที่ดี ควรมาจากทั่วโลก หลากหลายและเป็นกลาง และควรมีหลักธรรมชาติบำบัดเข้าร่วมตัดสินด้วย ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นโดนฝรั่งหลอกผ่านงานวิจัย ที่เราเจอกับสินค้ามากมาย แถมมีมาตรฐานระดับโลกรับรองด้วยนะครับ ซึ่งหลายคนที่เรียนด้านนี้โดยตรง ก็โดนหลอกผ่านตำรามาเยอะแล้ว แต่พวกนี้มักยึดมั่นตำราสุดโต่ง ไม่ค่อยเปิดใจยอมรับอะไรนอกตำรา ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะคนที่เก่งจริง เขามีวิธีบิดเบือนข้อมูลจากผิดกลายเป็นถูกได้อย่างน่าเชื่อจริง ๆ แต่สุดท้ายเราควรดูที่ผลการรักษา หรือการใช้นะครับ
คนที่หาหมอรักษาหน้ามาหลายปีไม่หาย แต่พอเลี่ยงสารที่เจซีแนะนำทั้งหมด แล้วหายหรือดีขึ้นจนเห็นชัดเยอะมาก มันเป็นผลลัพธ์ที่ดีกว่าการยืนยันจากสถาบันและข้อมูลจากตำรา ที่ยังต้องรอการอัพเดทเรื่อยๆ สารหลายชนิดที่ทางการอนุญาตให้ใช้ ต่อมายกเลิกเพราะพบอันตราย (แม้แต่สารบางตัวที่ผสมในยาแก้ไข้ให้คนกินมาเป็นสิบปี) มนุษย์มีความหลากหลาย และคนเราทนต่อสารได้ไม่เหมือนกัน ยิ่งคนปัจจุบันร่างกายรับพิษจากหลายแหล่งมากพอแล้ว การเลี่ยงและใช้สารเสี่ยงหรือมีข้อน่าสงสัยให้น้อยที่สุด มันก็เสี่ยงน้อยลงด้วย
: การล้างหน้าที่ดี ต้องสะอาด แต่ไม่แห้งตึง ยังรู้สึกนุ่มลื่นหลังล้าง และดีที่สุดคือนุ่มลื่นจากสารธรรมชาติ ไม่ใช่เคมี ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่จะเน้นเคมีและสารราคาถูก เพื่อกำไรที่มากที่สุดเป็นหลัก จึงควรทำความเข้าใจ
ข้อมูลเพิ่มเติมจากศูนย์พิษวิทยา
พิษและอาการข้างเคียงจากสบู่ : สบู่มีส่วนประกอบที่สำคัญ เช่น เกลือโซเดียมของกรดไขมัน เช่น โซเดียมโคโคเอท โซเดียมแทลโลว์เอท อาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง ถ้าสัมผัสบ่อยๆ หรือ เป็นเวลานานพอ และมักทำให้เกิดอาการแพ้ เนืองจากสารอื่นที่เติมลงไปในสบู่ เช่น น้ำหอม สาระงับเชื้อ ลาโนลิน เป็นต้น : ที่มา: http://webdb.dmsc.moph.go.th/ifc_toxic/a_tx_1_001c.asp?info_id=63
---------------------------------
กลุ่มสารกันแดด : Oxybenzone (หรือ Benzophenone3),Octocrylene , Avobenzone (หรือButyl Methoxydibenzoyl methane) , homosalate ,Octinoxate ,Octisalate , dioxybezone, octyl salicylate , ethylecyl-p-methoxycinnamate , ethylexyl salicylate, Drometrizole TriSiloxane (Mexoryl ® XL) , Ethylhexyl Dimethyl PABA (Padimate O) , 2-Ethylhexyl Methoxycinnamate, Menthyl Anthranilate ,Diethylamino Hydroxybenzoyl Hexyl Benzoate
:ค่า SPF ที่สูงอาจเป็นจำนวนสารกันแดดกลุ่มเคมีคอลที่มากขึ้น หลายชนิดสลายตัวเมื่อโดนแดด เกิดเป็นพิษทำร้ายผิว / กันแดดกลุ่มเคมีคอล บางชนิดอาจถูกเรียกอีกชื่อว่า สารกันแดดออร์แกนิค สารเคมีอื่นอีกส่วนมากมักมีชื่อเรียกหลายชื่อ หรือมีชื่อการค้าหลายชื่อ จึงต้องตรวจสอบให้ดี
สารกันแดดเคมีโดยมากจะต้องทาล่วงหน้าก่อนออกแดด และต้องทาซ้ำใน 2 ชม. เพราะจะสลายตัวเมื่อโดนแดด ดังนั้นค่า SPF ที่มากจนเวอร์ อาจไม่สามารถปกป้องผิวคุณได้จริงหรือยาวนานเท่าสารกันแดดกายภาพที่ปลอดภัยและทำงานได้ยาวนานกว่า แถมค่า SPF ที่มากก็กันแดดได้ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ SPF15 กัน UVBได้ 93% SPF30 กันได้ 97% SPF50 กันได้ 98%
จะเห็นได้ว่ายิ่งมากก็ได้ไม่คุ้มเสีย เพราะเพิ่มการปกป้องได้อีกนิดเดียวเท่านั้น แต่อาจต้องแลกมาด้วยความเหนอะหนะ วอก อุดตัน หรือเคมีจำนวนมาก ที่อาจแฝงอันตราย และสลายตัวในเวลาไม่นาน ซึ่งเทียบกับการทากันแดดกายภาพที่ติดทนนานและไม่สลายตัวแม้ค่า SPF จะต่ำกว่าก็ตาม
ซึ่งหากไม่ออกแดดแรงจัด มาตรฐานโลกแนะนำไว้ที่ 15-30 เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว เพราะถ้าออกแดดจัดแนะนำให้ใส่หมวกหรือร่มจะดีกว่า (มีเวลาจะเรียบเรียงเป็นบทความอีกครั้ง เพราะนอกจากสารกันแดดกายภาพ ยังมีสารจากธรรมชาติหลายชนิดก็ช่วยป้องกัน UV ได้จริงและปลอดภัยกว่ามาก )
หลายคนคิดว่าแพ้ครีมกันแดดที่มีสารกันแดดกายภาพคือ Zinc /Titanium แต่ความจริงอาจแพ้ซิลิโคน น้ำมัน แอลกอฮอล์ ตัวทำละลาย หรืออื่น ๆ ที่ใส่เข้าไป เพื่อช่วยให้สารกลุ่มนี้กระจายตัวดี ใช้งานง่าย ซึ่งการปรับสูตรให้ปราศจากสารพวกนี้ จะทำให้ใช้งานและผลิตยากขึ้น ต้องมีเทคนิคในการใช้ต่างจากครีมกันแดดทั่วไป แต่แลกมาด้วยความปลอดภัย ไม่เสี่ยง ใช้เวลานานกว่าที่เจซีจะวิจัยสูตร และเทคนิคการผลิตเพื่อเลี่ยงสารเหล่านี้ และให้ใช้งานง่ายที่สุด เบาสบายที่สุด
ข้อมูลเพิ่มเติมจากศูนย์พิษวิทยา พิษและอาการข้างเคียงจากเครื่องสำอางป้องกันแสงแดด : ประกอบด้วยสารออกฤทธิ์ที่สำคัญที่มีคุณสมบัติในการดูดซับ UV ได้แก่ กรดพาราอะมิโนเบนโซอิก (พาบา), เบนโซฟิโนน-3 (ออกซีเบนโซน) โฮโมเบนทิลซาลิไซแลต ทำให้เกิดอาการข้างเคียงต่อผิวหนัง และการแพ้ทางปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันร่วมกับแสงแดด : ที่มา : http://webdb.dmsc.moph.go.th/ifc_toxic/a_tx_1_001c.asp?info_id=63
---------------------------------------
น้ำมันที่ไม่ควรใช้กับผิวหน้า : Mineral Oil (ผลพลอยได้จากการกลั่นปริโตรเลี่ยม มีหลายชื่อมาก ทั้งเบบี้ น้ำมันแก้ว White Oil น้ำมันคาร์เนชั่น ซึ่งควรจะใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ไม่ควรใช้กับผิวทุกส่วน แต่เพราะราคาถูกมาก จึงนิยมใช้กันมาก ) , Coconut Butter , Coconut Oil , Cotton Seed Oil , Corn Oil,Hydrogenated Vegetable Oil ,Mink Oil , Shark Liver Oil , Soybean Oil , Sulfated Castor Oil ,Wheat Germ Oil , Olive Oil , Linseed Oil , Peach Kernal Oil ,Sweet Almond Oil / Sandelwood Seed Oil, Peanut Oil , Almond Oil,Apricot Kernel Oil,Avocado Oil ,Chaulomoogra Oil, Evening Primrose Oil, Caprylic/Capric Triglyceride (อีกชื่อของน้ำมันมะพร้าวชนิดพิเศษ),Squalane (ชนิดสังเคราะห์ ไม่ได้มาจากพืช)
มะพร้าวเหมาะใช้กิน ไม่เหมาะผิวหน้า แต่ดีกับหนังศรีษะ&ผิวกาย (กรณีใช้กับหน้า ก็ยังถือว่าดีกว่าการใช้ครีมที่แฝงเคมี ) ถ้าจะใช้กับผิวไม่ว่าส่วนไหน ควรใช้เล็กน้อยตอนผิวยังเปียก หลังล้างใหม่ และควรผสมน้ำมันชนิดอื่นก่อนด้วยจะดีมาก ทดลองมาหลายปีพบว่าให้ความชุ่มชื้นสูงแต่อาจเพิ่มการอุดตันและปัญหาอื่นได้ หากไม่มีการปรับใช้ที่ถูกต้องจริง น้ำมันและแอลกอฮอล์ไม่อันตรายเสมอไป โดยเฉพาะน้ำมันเกรดสูงที่ไม่อุดตันและคล้ายน้ำมันผิวตามธรรมชาติ เพียงแต่ต้องมีปริมาณและการใช้ที่เหมาะสม
แอลกอฮอล์ที่ควรเลี่ยงเป็นพิเศษ เช่น.. SD Alcohol, Alcohol denat , หรือแม้แต่ Ethyl Alcohol (พบบ่อยกันแดดสูตรน้ำที่ดันใช้แอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบหลัก) หากเจอคำว่า Alcohol ต้องตรวจให้ดี บางตัวเป็นสารก่อครีม บางตัวเป็นสารกันเสีย มักมีเล็กน้อยไม่ถึง 1% น้ำมันบางตัวไม่ถือเป็นน้ำมัน เช่น โจโจ้บา บางตัวไม่ใช่น้ำมันแต่อุดตันกว่าทำร้ายผิวมากกว่าซะอีก ดังนั้นอย่าไปเชื่ออะไรมากเลย กับคำว่า แอลกอฮอล์ฟรี ออยฟรี
---------------------------------
สารกลุ่มไกลคอล : เช่น Propylene glycol , Butylene glycol เป็นที่ถกเถียงกันมากถึงอันตราย มีรายงานแพ้พอควร Butylene ปลอดภัยกว่า แต่ที่ชัวร์ควรเป็น Glycerin เฉพาะชนิดทำจากพืชเท่านั้น : ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงสารกลุ่มลงท้ายด้วยคำว่า Glycol จะดีที่สุด หรือให้มีในส่วนผสมน้อยที่สุด ( กลีเซอรีนที่ปลอดภัยต้องจากพืชเท่านั้น แต่ถ้าทำมาจากน้ำมันปิโตรเลี่ยม หรือจากสัตว์ ก็ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน)
---------------------------------
กลุ่มซิลิโคน : ที่ไม่ดีต่อผิวและหนังศรีษะ อาจอุดตันก่อปัญหาผมร่วง สิว และกระตุ้นการแพ้ในหลายคนได้ สังเกตคำลงท้าย cone / xane / Crosspolymer เช่น Cyclopentasiloxane , Dimethicone , Cyclotetrasiloxane , Cyclomethicone ซิลิโคน หากไม่แพ้ก็ใช้ได้ แต่ต้องล้างสะอาดหมดจดด้วยคลีนซิ่งออยก่อน (ซึ่งควรเลี่ยงจะดีที่สุด ) หากอยู่ทีร้อนเหงื่อออกง่าย ไม่ควรใช้ครีมที่มีซิลิโคนผสมเพราะมักทำให้อุดตันอักเสบเกิดสิวง่าย โดยเฉพาะครีมอาบน้ำ ยาสระผม/บำรุงผม ที่มีซิลิโคน ควรเลี่ยงการใช้เด็ดขาด ถ้าต้องใช้ซิลิโคนให้ได้เฉพาะครีมกันแดด รองพื้น หรือทาในตอนสุดท้ายบนผิวหน้าหลังบำรุงแล้วเท่านั้น แต่ไม่ควรอยู่ในขั้นตอนล้างหรือบำรุง และไม่เหมาะอย่างยิ่งกับหนังศรีษะ ( พวกเจลหรือเนื้อเซรั่มที่ดูบางเบา หรือทาแล้วกลายเป็นน้ำ ทำมาจากซิลิโคนนะครับ หลายคนมักเข้าใจผิด ด้วยรูปลักษณ์ที่ได้สัมผัส)
ยังมีกลุ่มสารเคมีเพื่อใช้ละลาย ช่วยผิว-ผมนุ่มลื่น สารก่อครีม ก่อเจล อีกหลายชนิดที่ควรเลี่ยง ซึ่งสารเสี่ยงอันตรายอีกเป็นร้อยชนิด แต่ขอตัดออก เพราะลงเยอะเกินไปคนจะไม่อ่าน เอาแค่สารด้านบนก็พอเพียงเป็นหลักคร่าวๆ ให้ทุกท่านได้เลือกใช้สินค้ากันเองแล้ว สินค้าเจซีทำมาเพื่อเป็นทางเลือกเท่านั้น ไม่ได้โจมตีใคร แต่บอกว่านี่คือมาตรฐานของเราที่เข้มงวดกับการใช้สารในสินค้า ที่เน้นมาตรฐานสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ : ข้อมูลทั้งหมดเพื่อให้ทุกท่านใช้เป็นแนวทางในการใช้ชีวิตหรือเพื่อเลือกสินค้า (ยี่ห้ออื่นๆ) ให้ตัวเองในอนาคต การใช้ชีวิตไม่ยากหรอกครับ แค่เลี่ยงสิ่งที่ควรเลี่ยง ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ใช้ให้น้อย หรือรู้วิธีกำจัดพิษของมันบ้าง
---------------------------------
หมายเหตุ: สารบางตัวถ้าใช้ปริมาณเล็กน้อยอาจไม่ส่งผลอะไร เช่น น้ำมันหอมระเหยที่เสี่ยงก่อระคายเคือง หากใส่เปอร์เซนต์ต่ำ เช่น ใส่เพียงแค่ 0.01% เพื่อเพิ่มกลิ่นสดชื่น ยังถือว่าใช้ได้ ต้องแยกย่อยไปอีกว่า หากใส่ในผลิตภัณฑ์ที่ล้างออก ก็จะยิ่งเสี่ยงน้อยลงกว่าที่ทาทิ้งไว้บนผิว (แต่บางชนิดแม้ปริมาณ 0.005% ก็ก่อระคายเคืองได้นะครับ ดังนั้นจึงต้องเชี่ยวชาญพอสมควร ถึงจะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริง) // ปริมาณสารบางอย่างแม้จะปลอดภัยในผู้ใหญ่ แต่สำหรับเด็ก และคนที่ร่างกายอ่อนแอ ผิวเสียสะสม อาจอันตรายและส่งผลเสียมากกว่าที่คิด นี่จึงเป็นเหตุที่ควรเลี่ยงการใช้
----------------------------
ตัวอย่างภัยของสารกันเสียที่ลงตีพิมพ์ใน telegraph.co.uk (คลิ๊ก)
(ซึ่งนิตยสารที่ได้รับการสนับสนุนโดย สสส.นำมาแปลลงอีกที)
ข่าวแชมพูเด็กมีสารก่อมะเร็ง (คลิ๊ก)
เครื่องสำอางแบรนด์ดัง กว่า 49 ยี่ห้อ มีโลหะหนัก (คลิ๊ก) (ข้อมูลจาก อย.)
สารอลูมิเนี่ยมจากสินค้าดับกลิ่นกาย ระงับเหงื่อ อันตราย (คลิ๊ก)
(แนะนำ เจซี บีเอชเอ หรือ แอคเน่แคร์ ทาใต้วงแขน ลดกลิ่นได้ดี)
---------------
อันตรายจากสินค้าสำหรับเด็ก จากเว็บไซต์ : ศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก (ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี)
:ทางมหาวิทยาลัยวอชิงตันและสถาบันวิจัยในโรงพยาบาลเด็กของซีแอตเติลในสหรัฐ (จากศึกษาในสัตว์ และ ปัสสาวะของทารก 163 คน อายุระหว่าง 2 เดือน ถึง 28 เดือน) ได้เปิดเผยผลการศึกษา ที่พบว่า เด็กที่ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กหลายๆอย่าง หลายๆยี่ห้อ เช่น โลชั่น แป้ง และ แชมพู ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้ทาลงบนผิวหนัง จะมี สารทาเลต (phthalate) สะสมอยู่ในร่างกายและ ถูกขับถ่ายออกมาทางปัสสาวะในปริมาณที่สูงกว่าเด็กไม่ใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้
สารทาเลต (phthalate) ที่สะสมอยู่ในร่างกายทุกวี่ทุกวัน อาจมีผลไปปรับเปลี่ยนการทำงานของฮอร์โมนต่างๆในเด็ก ก่อให้เกิดภูมิแพ้ น้ำมูกไหล และผิวหนังเป็นผื่น ส่งผลต่อพัฒนาการของระบบสืบพันธุ์ โดยทั่วไปแล้วสารทาเลตเป็นสารที่ใช้เพื่อทำให้พลาสติกมีความอ่อนนิ่ม อย่างไรก็ตามในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ปรากฎว่า มีสารนี้เป็นส่วนผสมเพื่อนำมาทำให้ผิวหนังชุ่มชื้นอ่อนนิ่ม ซึ่งในปริมาณระดับหนึ่งอาจเป็นอันตรายต่อคนที่ใช้ได้ ที่มา : http://www.csip.org/csip/autopage/show_page.php?h=118&s_id=147&d_id=147
---------------------
บทสวดบรรเทากรรม (คลิ๊ก)
เสียงจูงสมาธิ ดีต่อสุขภาพ(คลิ๊ก)
www.jzserum.com
วิจัยเองด้วยสูตรลับเฉพาะของเราเท่านั้น